แจกสูตรทำ “หมูสะเต๊ะ” น้ำจิ้ม และอาจาด ครบเซตครบเครื่อง พร้อมวิธีหมักหมูนุ่มน่ากิน

Posted by

แจกสูตรทำ “หมูสะเต๊ะ” น้ำจิ้ม และอาจาด ครบเซตครบเครื่อง พร้อมวิธีหมักหมูนุ่มน่ากิน

ส่วนผสม หมูสะเต๊ะ

      1. เนื้อสะโพกหมู
      2. กระเทียม 2 กำมือ (โขลกละเอียด)
      3. ผงขมิ้น 1/2 ทัพพีเล็ก (อย่าใส่ผงขมิ้นเยอะ เพราะจะทำให้หมูมีรสเฝื่อน ๆ ได้ บางคนก็ไม่ใส่)
      4. ผงยี่หร่า 1 ทัพพี
      5. ผงกะหรี่ 2+1/2 ทัพพี (ผงกะหรี่อันนี้ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด ถ้าเป็นขมิ้นกับยี่หร่า บางคนไม่ใส่ก็ได้ แต่ผงกะหรี่ห้ามขาด ใส่ยิ่งเยอะยิ่งหอม)
      6. น้ำตาลทราย 2 ทัพพี
      7. เมล็ดผักชีโขลก 2 กำมือ
      8. กะทิกล่องสำเร็จรูป
      9. นมสด
      10. ไม้สำหรับเสียบหมูสะเต๊ะ (ควรเลือกซื้อไม้ที่เสียบหมูสะเต๊ะโดยตรง เพราะมันจะมีขนาดเล็กกว่าไม้เสียบลูกชิ้นอยู่หน่อยนึง ห่อละ 25 บาทเอง หมูประมาณ 1 กิโลกรัม เสียบออกมาได้ 138 ไม้)

วิธีหมักหมูสะเต๊ะ

 

1. หั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ

      2. ใส่กระเทียมโขลกลงไป (ใส่เยอะ ๆ)

3. ตามด้วยผงขมิ้น ผงยี่หร่า ผงกะหรี่ น้ำตาลทราย เมล็ดผักชีโขลก กะทิ และนมสดเล็กน้อย หมักให้นุ่ม ๆ ไม่ถึงกับแฉะ

4. เคล้าส่วนผสมให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ครึ่งวัน

5. นำหมูที่หมักได้ที่แล้วมาเสียบไม้ (ส่วนตัวไม่ชอบกินมันหมูเลยไม่ได้เสียบมาด้วย)

 
      6. ก่อนปิ้งนำหมูไปชุบในน้ำกะทิให้ทั่ว

7. พอหมูเริ่มสุกให้ทากะทิซ้ำลงไปอีกครั้ง (เพื่อความนุ่มและไม่กระด้าง)

8. ปิ้งจนสุก จัดใส่จาน เตรียมไว้เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด

สูตรน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

ส่วนผสม น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

1. กะทิสด 500 กรัม
2. น้ำพริกแกงมัสมั่น 200 กรัม
3. น้ำตาลปี๊บ 3 ทัพพี
4. น้ำมะขามเปียก 4 ทัพพี
5. เกลือป่นเล็กน้อย
6. ถั่วลิสงคั่วป่น 5 ทัพพี

      หมายเหตุ : น้ำพริกแกงมัสมั่นใช้แค่ 200กรัม (2 ขีด) ก็พอ บางคนลดต้นทุนโดยใช้พริกแกงเผ็ดมาปนเยอะ ๆ ๆ เพราะน้ำพริกแกงมัสมั่นจะมีราคาแพงกว่าน้ำพริกแกงเผ็ด เพราะมีส่วนผสมของลูกจันทร์ด้วย แค่เฉพาะลูกจันทร์ (สีส้ม ๆ) จะมีราคาแพงมาก ราคากิโลกรัมละ 1,200 บาทเลยล่ะ

วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ

1. แบ่งใส่หัวกะทิพอประมาณใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอร้อน

2. ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่นลงไป จากนั้นเทกะทิที่เหลือลงไปทั้งหมด

3. ใส่น้ำตาลปี๊บลงไป ใส่ประมาณ 3 ทัพพีก่อน อย่าเพิ่งใส่เยอะในตอนแรก เดี๋ยวจะหวานเกิน หากยังไม่พอใจค่อยเติมทีหลังเอา

4. ตามด้วยน้ำมะขามเปียก (อย่าปรุงให้เปรี้ยวเกินไป เพราะน้ำจิ้มชนิดนี้ห้ามเปรี้ยว เวลากินแล้วรสหวานจะออกนำ แทบไม่ได้รสเปรี้ยวเลย) ตัดรสด้วยเกลือป่นเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน ต้องปรุงให้รสหวานนำ แต่ไม่ใช่หวานมาก ให้ความเปรี้ยวมีแค่ 0.1% พอ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ได้รสเปรี้ยวเลย

5. สุดท้ายใส่ถั่วลิสงคั่วป่นลงไป คนผสมให้เข้ากัน (ใส่ประมาณ 5 ทัพพีก่อนนะ อย่าเพิ่งใส่เยอะ เพราะเดี๋ยวมันจะขึ้นอืดเองเวลาที่น้ำจิ้มเย็น หากยังไม่ข้นพอเราเติมภายหลังได้)

      หมายเหตุ : บางคนก็เห็นเขาใส่ขนมปังลงไปด้วย ขอบอกว่าวิธีนั้นเป็นการลดต้นทุนการใช้ถั่วลิสงป่น แต่น้ำจิ้มสะเต๊ะที่มีส่วนผสมของขนมปังจะเก็บไว้นาน ๆ ไม่ได้

6. เคี่ยวส่วนผสมจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้

◆ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ จะคล้าย ๆ กับน้ำของขนมจีนน้ำพริก เพียงแต่ขนมจีนน้ำพริกไม่ใส่น้ำพริกแกงมัสมั่น แต่ใส่พริกแห้งแช่น้ำแล้วคั้นเอาน้ำพริกมาผัดกับกะทิ และผัดกับน้ำมันเอาไว้ลอยหน้า

◆ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะและขนมจีนน้ำพริกจะใส่น้ำมะขามเปียกเช่นเดียวกัน แต่ขนมจีนจะเพิ่มดีกรีความเปรี้ยวด้วยน้ำมะกรูด มะนาว และน้ำส้มซ่า แต่โดยรวมแล้ววิธีการจะคล้าย ๆ กัน แล้วน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะก็สามารถเอาไปทำเป็นเมนู พระรามลงสรง ก็ได้อีกด้วย ตัวน้ำจิ้มหากกินไม่หมดเก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน

ส่วนผสม น้ำจิ้มอาจาด

1. น้ำส้มสายชู 4 ส่วน
2. น้ำตาลทราย 3.5 ส่วน
3. เกลือ 1/2 ส่วน
4. น้ำเปล่าเล็กน้อย (เพื่อเบรคความเปรี้ยวของน้ำส้มสายชู)
5. แตงกวาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
6. พริกแดงซอย
7. หอมแดงซอย

วิธีทำน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ น้ำจิ้มอาจาด

1. เติมส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าเล็กน้อยใส่ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟเคี่ยวพอมีความหนืดนิด ๆ (ชิมรสให้ได้ เปรี้ยวนำ หวานตามมาติด ๆ เค็มท้าย ๆ เลยนะ) จากนั้นพักทิ้งไว้จนเย็น

      2. ผสมแตงกวาซอย พริกแดงซอย และหอมแดงซอยเข้าด้วยกันแล้วนำลงไปแช่ในน้ำอาจาดที่เย็นแล้ว เตรียมไว้ (หากยังไม่กินก็ไม่ต้องแช่ทิ้งไว้ก็ได้ แต่เราว่าน้ำจิ้มอาจาดจะอร่อยต้องแช่แตงกวาทิ้งไว้นาน ๆ ให้มันเข้าเนื้อ)

3. จัดหมูสะเต๊ะใส่จาน เสิร์ฟพร้อมขนมปังปิ้งกรอบ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ และน้ำจิ้มอาจาด