โซเชียลฯแชร์ตามหาผัวเมียแสบทิ้งลูกน้อยให้ยายบุญธรรมวัย 80 กว่าดูแล
ผู้ใช้เฟซบุ๊กได้มีการโพสต์ประกาศตามหาพ่อแม่ของเด็กน้อยวัย 3 เดือน ที่หายตัวไป แต่ได้ทิ้งลูกน้อยวัยเกือบ 3 เดือนไว้ให้อยู่กับยายวัย 80 ปี เลี้ยงดูเพียงลำพัง ผ่านเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6” ระบุข้อความว่า “สมาชิกฝากตามหา…ติดขัดเรื่องอะไรก็กลับมาดูแลสู้ต่อไปอย่าทิ้งเด็กไว้เลย
..บุคคล 2 คนนี้ทำงานที่ร้านสมหมายคาร์แคร์และสมหมายก่อสร้าง ได้ออกจากงานไปแล้ว #และคลอดลูกอายุ 2เดือนทิ้งไว้ให้ยายเลี้ยง #ยายอายุ ประมาณ 80+ เดินไม่คล่อง #ไม่มีนมให้กิน #ถ้าไม่ติดต่อกลับมารับลูกจะแจ้งความทิ้งลูก #ภายในสิ้นเดือนนี้เท่านั้น” พร้อมกับมีการแนบรูปสองผัวเมียวัยรุ่นที่ใจร้ายทิ้งลูกไว้ให้กับเหล่าสมาชิกไว้เป็นเบาะแสในการตามหาด้วย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบหาข้อมูล จนทราบว่า เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งทารกน้อยวัย 3 เดือนที่ถูกพ่อแม่ทิ้งไว้อยู่ในความดูแลของยายลา ทองรอด อายุ 81 ปี ที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 8 ต.ทับกฤช อ.ชุมแสง จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบยายลา พักอาศัยบ้านของหลานสาวซึ่งเปิดธุรกิจเป็นร้านคาร์แคร์เล็กๆ
ยายลา ที่กำลังเลี้ยงดูหลานชาย วัย 3 เดือน ภายในห้องพักของอดีตพนักงานบริเวณข้างบ้าน ให้ข้อมูลว่า หลานชายวัย 3 เดือน เป็นลูกที่เกิดกับ น.ส.เยาวเรศ อายุ 21 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกเลี้ยง ที่ตนขอรับลูกจากสามีเก่าที่เขาไปมีภรรยาใหม่ มาอุปการะเลี้ยงดูเอาไว้ เพราะหลังจากที่ตนเลิกรากับสามีไป ก็ไม่มีลูก จึงขอรับเขามาเลี้ยง ส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือที่ดีๆ ก็ดันไปแอ๊วผู้ชายจนได้ผัว คือ นายสรนัส อายุ 21 ปี แล้วเกิดท้องมีลูกด้วยกัน ก็พากันย้ายมาอยู่กินในบ้านของตน และเพิ่งจะคลอดลูกเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 นี้เอง
ยายลา เล่าว่า ชีวิตที่ผ่านมา ก็ไม่ค่อยมีเงินมีทองใช้ แต่ก็พยายามเลี้ยงดู คอยส่งเสียให้ น.ส.เยาวเรศ ได้เรียนสูงๆ เพื่อหวังจะให้ทำงานดีๆ มาเลี้ยงดูตนในช่วงบั้นปลายชีวิต แต่เขาไม่เรียน วันๆ ติดเพื่อน เอาแต่ไปเที่ยว ไม่ยอมเรียนหนังสือ แถมยังคอยล้างผลาญเงินทองของตนอยู่ตลอด จนวันหนึ่งไปได้ผัวแล้วท้องมา ตนก็ต้องมาดูแลเลี้ยงดูเขาเพิ่มอีกคน จนตอนนี้ มาทิ้งหลานไว้ให้ตนดูแลตามลำพังอีก
“ต้องบอกเลย ตอนนี้เลี้ยงไม่ไหว เพราะแก่มากแล้ว ร่างกายก็ไม่ค่อยดี แถมยังเดินไม่ค่อยไหว เงินก็ไม่ค่อยจะมีด้วย ทุกวันนี้ที่พอมีกินไปวันๆ ก็เพราะมีหลานสาว ซึ่งเป็นลูกของน้องสาวคอยช่วยเหลือดูแล และมีที่พักอาศัยให้อยู่”
เมื่อถามว่า พ่อแม่ของเด็กหนีไปนานหรือยัง ยายลาบอกว่า หนีไปได้ร่วมสัปดาห์แล้ว ติดต่อก็ไม่ได้ เขาบล็อกการติดต่อทุกช่องทาง แม้แต่โทรศัพท์ เขาทั้งคู่ก็ยังบล็อกเบอร์บล็อกไลน์ของญาติพี่น้องหมด รวมถึงเพื่อนๆ คนที่รู้จักกับพวกเขา ก็ยังไม่รู้ว่าตอนนี้ทั้งสองผัวเมียไปอยู่ที่ไหน จึงอยากฝากบอกผ่านสื่อ ถ้าทั้งคู่เห็นข่าวนี้ ให้รีบติดต่อกลับมารับผิดชอบเอาลูกกลับไปเลี้ยงด้วย รวมถึงหนี้สินที่เคยไปหยิบยืมใครๆ ในละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง ก็ให้กลับมารับผิดชอบด้วยเช่นกัน ไม่เช่นนั้น หมดสิ้นเดือนนี้ ตนจะไปแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.ชุมแสง
ยายลา เล่าถึงช่วงที่ น.ส.เยาวเรศ และ นายสรนัส ย้ายมาพักอาศัยอยู่ด้วย ว่าในช่วงที่ลูกบุญธรรมพานายสรนัสมาอยู่ที่นี่ ตนก็คอยให้ความช่วยเหลือ และดูแลตลอด หลานสาวของตนที่เป็นเจ้าของกิจการคาร์แคร์ก็คอยช่วยเหลือด้วย ให้มีงานการทำ
ซึ่งตอนที่ น.ส.เยาวเรศ กำลังตั้งครรภ์ใหม่ๆ หลานสาวก็ให้นายสรนัสมาเป็นลูกจ้างทำงานล้างรถ มีรายได้วันละ 300 บาท เอาไปเลี้ยงดูเมีย แต่เขาก็มาทำงานบ้าง ไม่ทำบ้าง เนื่องจากมักชอบไปเที่ยวกลางคืนกลับดึกดื่น ตื่นมาทำงานไม่ไหว ประกอบกับงานที่คาร์แคร์ ก็ไม่ได้มีลูกค้ามาใช้บริการทุกวันด้วย แต่นายสรนัส ก็ได้รับเงินไปเต็มๆ ทุกวัน หลานตนไม่เคยมีหักสักบาท แถมบ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ แต่ยังจะคอยมาแทะเล็มขอเงินตนด้วยอยู่บ่อยครั้ง และครั้งสุดท้ายมาขอ 20 บาท ตนไม่มีให้ เจ้าตัวก็ไม่พอใจต่อว่าตนเสียๆ หายๆ
“ฉันถูกทั้งคู่ย่ำยีจิตใจมาหลายครั้ง เวลาอยู่บ้านก็คอยใช้เราเหมือนทาสคนนึง คอยเก็บกวาดบ้านให้ได้อยู่อย่างสุขสบาย เวลาที่ซื้ออาหารอะไรมากินตรงไหน ก็กองเอาไว้ตรงนั้นให้ตนเก็บ พอต่อว่าก็ด่าเหมือนเราไม่เคยมีพระคุณกับเขาเลย แม้แต่กระทั่งขวดนมของหลาน เราก็ต้องเอาไปล้างให้ และที่ผ่านมา ฝ่ายชายก็มักจะมาถ่ายรูปฉัน นำไปโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก สลับกับรูปของหลาน ให้ผู้คนสงสาร ขอเปิดรับบริจาคเลี้ยงดูอีก มันสุดยอดคนจริงๆ ผัวเมียคู่นี้”
ยายลาระบุย้ำว่า วีรกรรมแสบยังมีอีกเยอะ เล่าไม่หมด แต่จะบอกว่า คนละแวกบ้านใกล้เรือนเคียง รวมถึงคนที่รู้จักในตำบล ก็โดนความแสบทั้งคู่ ที่เล่นไปขอหยิบยืมมาทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วไม่ใช้เขา ปล่อยให้เจ้าหนี้หลายราย มาไล่ทวงเงินที่บ้านเกือบทุกวัน
น.ส.สายชล คันธมาท อายุ 48 ปี หลานสาวของยายลา ได้ให้ข้อมูลว่า น.ส.เยาวเรศ เป็นลูกของสามีเก่าของยายลา ที่ให้กำเนิดโดยภรรยาคนใหม่ ซึ่งยายลาไม่มีลูก จึงขอรับมาเลี้ยงดูจนเติบโต ซึ่งที่ผ่านมา แม้ตนจะเป็นหลาน แต่ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรภายในครอบครัวของยายลามาก เพราะพักอาศัยอยู่คนละที่
กระทั่งพักหลังเริ่มได้เห็นแววพฤติกรรมความร้ายกาจของ น.ส.เยาวเรศ และสามีของเขาที่กระทำต่อยายลาเหมือนผู้ที่ไม่เคยมีพระคุณคอยดูแลเลี้ยงดู จนโมโหมาก และขอประกาศไว้เลยว่า ให้รีบติดต่อมารับลูกของเขาเอากลับไปเลี้ยงโดยด่วน ทำให้เขาเกิดมาได้ ก็ต้องเลี้ยงดูรับผิดชอบกันได้ อย่ามาทิ้งให้ยายลาต้องมาดูแลแบบนี้ ส่วนจะมาตอนไหนก็ได้ แต่อย่ามายามวิกาล ถ้าหากไม่รีบติดต่อกลับมาในสิ้นเดือนนี้ ตนได้ปรึกษากับทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไว้แล้วว่า จะพายายลาไปแจ้งความกับตำรวจ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากพวกเขาจะกลับมาขอโทษและขออยู่อาศัยกับยายลาใหม่ จะให้หรือไม่ น.ส.สายชล ตอบไม่เอาลูกเดียว คือทั้งผัวเมียคู่นี้ จะไม่สามารถกลับอยู่กับยายได้แล้ว ต้องมารับผิดชอบหลานเอากลับไปเลี้ยงสถานเดียว
ส่วนหลานชายวัยเกือบ 3 เดือน ตนและพวกญาติพี่น้องก็ไม่ได้รังเกียจ ถ้ายกให้ตนก็จะเลี้ยงไว้ เพราะญาติพี่น้องของยายลาทุกคนเอ็นดู และสงสาร เกรงว่าต่อไปเขาจะกลายเป็นคนมีปัญหาที่มีพ่อแม่แบบนี้ แต่ที่ตนต้องประกาศให้เขารีบมาเอาไปเลี้ยง เพราะอยากให้พวกเขามีความรับผิดชอบ ไม่ใช่มาโยนภาระให้ยายลา และพวกตนไว้หมด
“ถ้าพวกเขาเห็นว่ามีญาติๆ และยายลาเอ็นดู คอยดูแลหลาน พวกเขาก็ยิ่งปล่อยทิ้งไว้ไม่มาใส่ใจใหญ่เลย จึงต้องรีบประกาศให้กลับมารับผิดชอบ เพราะปล่อยไว้นาน พวกเขาจะยิ่งได้ใจ”
ด้านนางปภาพร เมฆพยัคย์ อายุ 48 ปี หลานสาวของยายลา ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการคาร์แคร์ และเป็นผู้ให้ที่พักอาศัยกับยายลา ให้ข้อมูลด้วยว่า ที่ผ่านมาคนในครอบครัวของยายลา รับรู้และเคยเห็นพฤติกรรมความร้ายกาจของผัวเมียคู่นี้ทั้งหมด ลูกบุญธรรมของยายลา ติดพนันออนไลน์ ส่วนนายสรนัสนี่หนัก นิสัยโมโหร้าย ติดเที่ยวเล่นสนุก กลับบ้านตี 1-2 ทุกวัน
ซึ่งตนก็สุดจะทน พยายามจะไล่ให้ออกจากบ้านไปหลายครั้งแล้ว แต่ยายลาเขาขอเอาไว้ เพราะยังสงสาร แต่ในที่สุด ก็รับไม่ได้ที่ทั้งคู่มาทิ้งลูกไว้ให้ยายลาดูแล แถมยังมีใครต่อใครหลายๆ คน คอยมาแวะเวียนมาทวงเงินที่ผัวเมียคู่นี้ไปหยิบยืมเกือบทุกวันด้วย ตนเห็นว่าไม่ปลอดภัย เพราะที่นี่เป็นบ้านเป็นร้านตน ประกอบกับห่วงยายลาจะได้รับอันตรายด้วย จึงนำเรื่องดังกล่าวไปฝากให้กับเพจดัง ให้ช่วยประกาศตามหา เพื่อให้เขารับผิดชอบเอาลูกกลับไปเลี้ยง และชดใช้หนี้ที่ก่อไว้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างสอบถามเรื่องราวดังกล่าวเมื่อ 25 มิ.ย.66 ก็มีผู้ใจบุญนำของใช้สำหรับเด็ก อาทิ แพมเพิส ผ้าอ้อม และนมผง จำนวนหนึ่งมามอบให้กับยายลา เพื่อนำเอาไว้ใช้เลี้ยงดูหลานด้วย